ต้นตอโควิด! ตร.จับกุม เจ๊เพชร เครือข่ายลักลอบนำเข้า แรงงานต่างด้าว ใหญ่สุดภาคกลาง

ต้นตอโควิด! ตร.จับกุม เจ๊เพชร เครือข่ายลักลอบนำเข้า แรงงานต่างด้าว ใหญ่สุดภาคกลาง

ตำรวจจับกุม เจ๊เพชร เครือข่ายลักลอบนำเข้า-ส่งออก แรงงานต่างด้าว ใหญ่สุดในภาคกลาง โดยเชื่อมโยงกับเคสโควิด-19 ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ด้วย วันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา บก.สส.สตม. ได้จับกุม นางราตรี เวชสุวรรณ หรือเจ๊เพชร ในความผิดฐานนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ซึ่งเครือข่ายนี้คือครือข่ายลักลอบนำเข้าและส่งออก แรงงานต่างด้าว ที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง และยังมีความเชื่อมโยงกับการระบาดของโควิด-19 ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ด้วย

โดยเจ๊เพชรคือเอเยนต์ฝั่งไทย ที่จะประสานงานกับทางฝั่งเอเยนต์เมียนมา 

โดยแรงงานที่ต้องการลักลอบเข้าไทย ต้องเสียเงิน 6,000-12,000 บาท เป็นค่าดำเนินการผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี หรือช่องทางธรรมชาติ หลังจากนั้นเจ๊เพชรจะหางานพร้อมที่พักให้ และส่งต่อให้นายเย มิน และกลุ่มนายอองโจ ขับรถพาแรงงานเหล่านั้นไปยังสถานที่ดังกล่าว

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเจ๊เพชร นายเย มิน และกลุ่มนายอองโจได้รวม 4 คน โดยส่งเจ๊เพชรไปฝากขังอยู่ภายในเรือนจำกลางบางขวาง และคัดค้านการประกันตัว ก่อนจะสืบสวนขยายผลต่อไป

ไปคุกคาม ตามหา คนรอบข้าง ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือ กระทำความผิดใด ๆ โดย ไม่สนใจว่า ครอบครัวของคนที่พวกคุณตามหา เพื่อหวังได้แค่ข้อมูลบางสิ่งบางอย่าง ทั้งที่เข้าก็ไม่มีข้อมูลที่คุณจ้องการด้วยซ้ำ พวกคุณคุกคามคนพวกนี้โดยไม่คำนึงถึงจิตใจ พ่อแม่ ลุง ป้า น้า อา ของบุคคลที่คุณต้องการหลอกใช้เค้าว่า จะเป็นเช่นไร ถ้าครอบครัวเค้าตกใจ หัวใจวาย เป็นอะไรขึ้นมา พวกคุณจะรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้หรือไม่

ถ้าคุณเป็นกลางจริง ๆ ทำอะไรว่าด้วยหลักฐาน จะกลัวอะไร จะคัดค้านการประกันตัวทำไม ในเมื่อที่ผ่านมา ไม่ว่าจะคดีอะไร เสี่ยโป้และครอบครัว เข้ามอบตัวและรายงานตัวต่อศาลทุกครั้งไม่เคยหลบหนี เวลาเขียนสำนวน ทำไมไม่เคยเลือกที่จะเขียนสำนวน ยื่นต่อศาลแบบนี้บ้างความผิดของโป้ และครอบครัวจะมีหรือไม่ ขอให้ขึ้นอยู่กับหลักฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่หลักฐานที่คุณคิดและ สรุปกันเอง ที่ผ่านมาโป้ และครอบครัว ช่วยเหลือ สังคม ทั้งภาครัฐ ลงช่วยน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ อุบล โคราช ส่งถุงยังชีพ หน้ากากอนามัย ช่วย 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้แม่ทัพภาค 4 กอ.รมน. มีข้อมูลทุกอย่าง

ที่พิมพ์ถึงเรื่องนี้ ไม่ได้หวังจะเอาความดี มาหักล้าง แค่อยากจะขอความเป็นธรรมว่า โป้และครอบครัว มีจิตใจที่คิดดีต่อบ้านเมือง ประเทศไทย ไม่เคยคิดชั่วบ่อนทำลายประเทศ ทุกครั้งมีคดีไม่เคยหนี เข้ามอบตัว และรายงานตัวต่อศาลทุกครั้ง ถ้าตำรวจเป็นกลางคิดว่า มีหลักฐานทุกอย่างแน่ชัด จะคัดค้านการประกันตัวทำไม

ทำไมถึงไม่ปล่อยหรือเปิดโอกาสให้โป้และครอบครัวมาชี้แจงต่อสื่อและศาล ตอนนี้ก็เหมือนกับตำรวจกำลังรังแกประชาชน นึกอย่างจะเขียนสำนวน ให้คดีนี้เป็นไปแบบไหนก็เขียนตามอำเภอใจ โดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริง

ฝากไว้ให้ทุกคนคิดแค่นี้แหละค่ะ ถ้าถามว่าทำไมแม่ถึงไม่เข้ามอบตัว ถ้าไม่ผิดจริง ๆ เพราะ คิดว่าเข้ามอบตัวก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้มีโอกาสชี้แจ้งข้อเท็จจริงแบบนี้ค่ะ ขอต่อสู้อยู่ด้านนอกแบบนี้ เพื่อแฉข้อมูลเท็จของตำรวจแบบนี้ดีกว่าค่ะ

ภรรยาอัดคลิปแฉ อาจารย์ ม.บูรพา โยนของใส่ลูก เหตุทำการบ้านไม่ได้ดั่งใจ

อาจารย์ ม.บูรพา โมโหโยนของใส่ลูกวัย 9 ขวบ เหตุเพราะทำการบ้านไม่ได้ดั่งใจ ด้านภรรยาเข้ามาห้าม ก็เจ็บด้วย เลยอัดคลิปแฉ พร้อมขอเลิก วานนี้ (14 ก.พ.) เกิดเหตุ นายศศิวุฑฒิ์ วงษ์มณฑา อายุ 39 ปี อาจารย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.บูรพา ทำร้ายร่างกายลูกสาววัย 9 ขวบ เหตุเพราะทำการบ้านไม่ได้ดั่งใจ จนภรรยาต้องอัดคลิปแฉและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากคลิปเหตุการณ์จะเห็นได้ว่า นายศศิวุฑฒิ์ ผู้เป็นบิดาได้นั่งสอนการบ้านลูกวัย 9 ขวบ และ 2 ขวบ ซึ่งเมื่อลูกเขียนผิด ก็จะมีการโวยวาย และโยนของใส่ลูก จนนางสาวสิรินทิพย์ ประวีณานุสรณ์ อายุ 41 ปี ผู้เป็นภรรยา ต้องเอาตัวเข้าไปขวาง และโดนลูกหลงจนศีรษะแตก

โดยเธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายศศิวุฑฒิ์ มักจะมีอาการโมโหร้ายอยู่แล้ว ครั้งหนึ่งลูกสาวคนโตอยากกินนักเก็ต แต่ผู้เป็นพ่อไม่พอใจจึงจับหัวลูกโขกกับคอนโซลหน้ารถจนหน้าปูด แต่ครั้งนี้เธอทนไม่ไหวและอยากจะเลิก เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเองและลูก ๆ ทั้งสองคน

หลังจากนั้น นายศศิวุฑฒิ์ ผู้ก่อเหตุก็เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอ้างว่าลูกทำการบ้านผิด ๆ ถูก ๆ ด้วยความเป็นพ่อก็อยากให้ลูกเรียนเก่ง จึงโยนของใส่ แต่เป็นเพียงของเล่นพลาสติกและไม่ได้ต้องการจะให้โดนลูกอยู่แล้ว ตนก็ไม่คิดว่าภรรยาจะอัดคลิปแล้วส่งในกลุ่มผู้ปกครองจนเรื่องราวใหญ่โต ซึ่งการที่ภรรยาต้องการจะเลิกกับตน ตนก็ยินดีที่จะทำให้

ผมตอบคำถามคุณธนาธร ตามนี้ และขอเรียนว่ารัฐบาลพร้อมที่จะปรับแผนการบริหารสถานการณ์โควิด19 รวมถึงการจัดหาวัคซีน หากมีผลการศึกษา และการผลิตวัคซีนที่ดีกว่า เหมาะสมกว่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ลดการสูญเสีย และใช้เงินงบประมาณคุ้มค่ามากที่สุด ขอให้คุณธนาธร เชื่อมั่นว่ารัฐบาล

มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกคน และปรารถนาที่จะนำประเทศไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติ ทางเศรษฐกิจ และ ทางสังคม โดยเร็วที่สุด ขอให้เชื่อมั่นว่า กระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผม ที่ทำงานกันเป็นทีมอยู่ในขณะนี้ ไม่มีเป้าหมายทางการเมือง และไม่ประสงค์จะนำความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชน มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เป้าหมายเดียวที่เรามี คือ ประชาชนคนไทยต้องปลอดภัย

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร